ศิลปะคือสิ่งที่ทรงพลัง (The Power of Art) การดูงานศิลปะ (Art) ดี ๆ จะช่วยให้สมองหลั่งสารโดปามีนซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ช่วยให้คนอารมณ์ดีขึ้น, ลดความวิตกกังวล และลดความเครียดซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญของวัยทำงาน เมื่อเราชอบงานศิลปะสักชิ้นหนึ่ง สมองของเราจะเข้าสู่สภาวะ Default Mode Network ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายสั่งการได้แบบออโตไพล็อต (Autopilot) แบบเดียวกับการขับเครื่องบิน ทำให้เราทำงานที่คุ้นเคยได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่มีผิดพลาด
เป้าหมายของการใช้ศิลปะในที่ทำงาน ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการช่วยเสริมสร้างจินตนาการและช่วยปรับอารมณ์ให้พนักงานพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการเพิ่มงานศิลปะดี ๆ เข้าไปในที่ทำงานจะช่วยให้พนักงานทำงานเสร็จไวขึ้น 15% และมีศักยภาพมากขึ้นถึง 30% หากเทียบกับการทำงานในออฟฟิศโล่ง ๆ
Company Outing ไม่จำเป็นต้องเสียเงินไปค้างคืนในสถานที่แพง ๆ แต่สามารถพาไปเที่ยวหอศิลป์ซึ่งให้ประโยชน์ไม่ต่างกัน การเลือกงานศิลปะมาไว้ในออฟฟิศต้องอาศัยความรู้ หากไม่แน่ใจให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญดีกว่าทดลองด้วยตัวเอง เพราะการเลือกงานศิลปะที่ผิดพลาดจะส่งผลเสียต่อองค์กรมากกว่าที่คิด
“ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น” (Ars Longa, Vita Brevis) คือหนึ่งในประโยคเกี่ยวกับศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุดในไทย ประโยคนี้พยายามเปรียบเปรยให้เห็นว่ามนุษย์แต่ละคนมีเวลาอยู่บนโลกเพียงไม่นาน แต่ศิลปะคือสิ่งที่จะคงอยู่ตลอดไป เพราะทุกแง่มุมของชีวิตหากต้องการให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีศิลปะมาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ศิลปะจะช่วยเปลี่ยนทุกสถานการณ์ให้มีแง่งาม เกิดความเห็นอกเห็นใจระหว่างกัน ซึ่งคุณค่าเหล่านี้ถือเป็นบริบทสำคัญของการทำงานทุกชนิด